ชิปปิ้งจากจีนเจ้าไหนดี? แชร์ฮาวทูเลือกแบบผู้เชี่ยวชาญ
ชิปปิ้งจากจีน เจ้าไหนดีดูได้จากอะไร? แชร์วิธีเลือกชิปปิ้งแบบผู้มีประสบการณ์
เวลาที่เราจะทำอะไรก็แล้วแต่ การศึกษาอย่างละเอียดเป็นเรื่องจำเป็น เช่นเดียวกันกับการเลือกชิปปิ้งเจ้าไหนดีเจ้าไหนเด็ดเช่นกัน เพราะอย่าลืมว่าในการสั่งสินค้าจากจีนมันคือการนำสินค้าจากจีนเข้ามาในไทย มีขั้นตอนและกฎหมายเรื่องภาษีต่างๆที่ต้องรู้ก่อนมากมาย
ทั้งนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในวงการนำเข้าสินค้าจากจีนมานาน วันนี้เราเลยอยากจะมาแชร์เคล็ดลับในการเลือกชิปปิ้งจีนให้ได้เจ้าที่ใช่ ราคาโดน และบริการประทับใจ เอาเป็นว่าถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ ว่าจะต้องสังเกตอะไรบ้าง
5 วิธีง่ายๆ จำไว้ไปใช้เวลาหาชิปปิ้งจากจีน
1. ดูความน่าเชื่อถือ
อันดับแรกเลยในการเลือกว่าชิปปิ้งจากจีน เจ้าไหนดีสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ มีชื่อเสียงในวงการ เพราะการันตีได้ว่าจะไม่โดนโกง ของไม่หาย และได้รับบริการที่ดีอย่างแน่นอน
วิธีเช็คความน่าเชื่อถือทำได้ไม่ยาก ลองเสิร์ชชื่อบริษัทดู ดูรีวิวจากลูกค้าที่เคยใช้บริการ สอบถามคนรู้จักที่เคยใช้ เช็คเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของบริษัท ดูข้อมูลการจดทะเบียนถูกต้องไหม มีที่อยู่ชัดเจนมั้ย เบอร์โทรติดต่อได้ไหม พนักงานตอบไวมั้ย ยิ่งมีข้อมูลชัดเจน โปร่งใส ตอบสนองได้ดี ก็ยิ่งมั่นใจได้ว่าเป็นบริษัทชิปปิ้งจีนที่น่าเชื่อถือ
2. เปรียบเทียบราคา
พอเจาะจงบริษัทชิปปิ้งได้แล้วซัก 3-5 เจ้า ต่อมาให้เปรียบเทียบราคาและบริการที่แต่ละที่มีให้เพราะแต่ละเจ้าจะมีโปรโมชั่นแตกต่างกันไป เช่น
– อัตราค่าส่งสินค้าต่อกิโลกรัม
– ค่าบริการเสริมอื่นๆ เช่น แพ็คของ เคลียร์ศุลกากร ประกันสินค้า ฯลฯ
– โปรโมชั่นพิเศษ ส่วนลด สำหรับลูกค้าใหม่หรือลูกค้าประจำ
– มีบริการเก็บเงินปลายทาง (COD) หรือไม่
– ขั้นต่ำในการใช้บริการเท่าไหร่ มีค่าธรรมเนียมอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง
– ระยะเวลาขนส่งโดยประมาณ
เอาตัวเลขต่างๆ มาเทียบกันดู แล้วเลือกเจ้าที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับเราโดยต้องดูให้ครบทั้งราคา เงื่อนไข และระยะเวลาด้วย อย่ามัวแต่โฟกัสที่ราคาถูกอย่างเดียว เดี๋ยวจะเสียคุณภาพและเสียเวลาไปเปล่าๆ
3. เลือกบริษัทชิปปิ้งที่มีประสบการณ์กับสินค้าประเภทที่เราขาย
อีกเคล็ดลับสำคัญในการเลือกชิปปิ้งจากจีนเจ้าไหนดีให้เหมาะกับเรา คือเลือกเจ้าที่เชี่ยวชาญกับสินค้าประเภทที่เราต้องการขนส่งโดยเฉพาะ เพราะแต่ละประเภทจะมีวิธีจัดการที่แตกต่างกัน
ยกตัวอย่างเช่น:
– สินค้า Electronic ต้องใช้ชิปปิ้งที่ขนส่งทางอากาศ มีประกันสินค้า และระมัดระวังกว่าปกติ
– สินค้าเน่าเสียง่าย เช่น อาหาร ต้องใช้ตู้แช่แข็ง รถห้องเย็น ใบรับรองต่างๆ
– ของเหลวที่ไวไฟ เช่น น้ำหอม ทาเล็บ ต้องส่งแบบพิเศษ บรรจุให้เรียบร้อย
– เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ต้องแพ็คให้เป็นระเบียบ กันการยับ
ดังนั้นเวลาเลือกชิปปิ้ง ให้ถามดูว่าเคยจัดการสินค้าแบบที่เราสั่งมาบ้างไหม มีประสบการณ์และความชำนาญแค่ไหน จะช่วยให้การขนส่งราบรื่น ปลอดภัย และรวดเร็วขึ้นค่ะ
4. มองหาบริการเสริมที่เป็นประโยชน์
นอกจากบริการพื้นฐานของชิปปิ้งจีนแล้ว สิ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เราได้อีกเยอะเลย ก็คือบริการเสริมต่างๆ ที่แต่ละเจ้ามีให้ค่ะ เช่น
– บริการ Dropshipping ช่วยจัดส่งสินค้าตรงถึงลูกค้าของเราเลย
– บริการเก็บสต็อกสินค้าในคลังสินค้าที่จีน ทำให้สั่งสินค้าได้ตลอด ไม่ต้องพรีออเดอร์
– บริการหาซัพพลายเออร์ในจีนให้ ช่วยเช็คราคา เทียบคุณภาพสินค้า
– บริการตรวจสอบคุณภาพสินค้าก่อนส่ง (Quality Control) ช่วยให้มั่นใจว่าได้ของดี ไม่มีปัญหา
– บริการถ่ายรูปสินค้าให้ เหมาะกับร้านค้าออนไลน์ที่อยากได้รูปสวยๆ
– มีเจ้าหน้าที่คนไทยประจำที่จีน คอยอำนวยความสะดวก แก้ปัญหาฉุกเฉินได้
ยิ่งมีบริการครบวงจร ยิ่งช่วยให้การนำเข้าสินค้าจากจีนง่ายขึ้นมากๆ และ PSS Cargo เป็นหนึ่งในชิปปิ้งจีนที่มีบริการหลากหลาย
5. เลือกวิธีขนส่งให้เหมาะกับสินค้าและงบประมาณ
สุดท้ายต้องเลือกวิธีขนส่งให้เหมาะกับประเภทสินค้า ปริมาณ และงบประมาณของเรานะคะ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีให้เลือก 3 วิธีหลักๆ คือ
1. ทางอากาศ (Air Freight): ส่งไว ปลอดภัย แต่ค่าส่งสูง เหมาะกับสินค้ามูลค่าสูง เร่งด่วน หรือบอบบาง
2. ทางเรือ (Sea Freight): ส่งช้ากว่า แต่ค่าส่งถูกกว่ามาก เหมาะกับสินค้าที่ไม่เร่งด่วน หรือสั่งเยอะๆ จะคุ้มกว่า
3. รถไฟ (Railway): ส่งเร็วกว่าเรือ ถูกกว่าเครื่องบิน ค่าส่งก็ถูกกว่า เหมาะกับสินค้าทั่วไป ไซส์ไม่ใหญ่มาก
เราต้องวางแผนให้ดี ชั่งน้ำหนักดูว่าอะไรสำคัญกับเรามากกว่ากัน ความเร็ว คุณภาพ หรือต้นทุน แล้วจึงเลือกวิธีขนส่งที่ลงตัวที่สุด วันนี้ PSS Cargo มีให้เลือกครบทุกวิธีแนะนำว่าลองไปปรึกษาดู รับรองว่าคุ้มค่ามากๆ อย่างแน่นอน
ติดต่อชิปปิ้งจีน PS SPORT CARGO
ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม
หรือรับโปรโมชั่นพิเศษ
ติดต่อได้ในวันทำการ : จันทร์ - ศุกร์
เวลาทำการ : 08.00 - 17.00 น.