รู้จักระบบ Dropship ตัวช่วยสั่งของจากจีนมาขายโดยไม่ต้องสต็อกสินค้า

การสั่งของจากจีนมาขายเป็นธุรกิจที่เป็นที่นิยมอย่างมากในไทย เพราะสินค้าจากจีนสามารถสั่งซื้อได้ง่ายผ่านเว็บไซต์ มีให้เลือกหลากหลายและราคาถูก อย่างไรก็ตามคนที่เริ่มทำธุรกิจสั่งของจากจีนมาขายในช่วงแรกมักจะเจอปัญหาในเรื่องของเงินทุน การขนส่ง และการสต็อคสินค้าที่ไม่รู้จะเอาอะไร แบบไหน สีไหน เข้ามาขายจำนวนเท่าไหร่ดี ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป หากถ้ารู้จักการขายแบบ Dropship ตัวช่วยให้คุณเริ่มต้นทำธุรกิจได้แบบไม่ต้องใช้เงินทุน ไม่ต้องสต็อคสินค้า ไม่ต้องปวดหัวว่าจะสั่งอะไรมาขายดี เพราะคุณสามารถเลือกสินค้ามาขายได้หลากหลาย และสั่งสินค้าตอนที่มีลูกค้าสั่งซื้อเท่านั้น ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะจมทุน !

Dropship คืออะไร ?

Dropship คือโมเดลธุรกิจที่สามารถขายสินค้าได้โดยไม่ต้องมีสต็อคอยู่ในมือ โดยผู้ขายสามารถเอารูปภาพสินค้า รายละเอียดสินค้า ราคา จากซัพพลายเออร์หลาย ๆ เจ้า มาโพสต์ขายในช่องทางออนไลน์ของตัวเองได้ และเมื่อมีลูกค้าสั่งซื้อและชำระเงินเข้ามา ผู้ขายจะเข้าไปสั่งซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์ที่จีนซึ่งเป็นเจ้าของสินค้าตัวจริง เพื่อให้ซัพพลายเออร์จัดส่งสินค้ามาให้กับลูกค้าโดยตรง และผู้ขายได้รับกำไรจากส่วนต่างราคาสินค้าไปแบบสวย ๆ โดยไม่ต้องลงทุนเลยสักบาท

บอกหมดข้อดี – ข้อเสีย ของการสั่งของจากจีนมาขายด้วยระบบ Dropship

แม้ว่าการทำ Dropship จะดูเหมือนง่าย ไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูง ไม่ต้องแพ็คของส่งของเอง ไม่เสี่ยงจมสต็อคเหมือนธุรกิจอื่น แต่การทำ Dropship ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย มีความเสี่ยงที่ต้องแบกรับเหมือนกับทุกธุรกิจ ไม่ได้มีแค่ข้อดีแน่นอน ไปดูข้อดี ข้อเสียของระบบ Dropship มีอะไรบ้าง เพื่อประกอบการตัดสินใจกันเลย

ข้อดีของระบบ Dropship

• ไม่ต้องสต็อกสินค้า: ลดความเสี่ยงด้านการเงิน ไม่ต้องลงทุนซื้อสินค้า ไม่เสี่ยงจมทุน หากขายไม่ได้ก็ไม่ขาดทุนจากการสต็อคสินค้าจำนวนมาก
• ต้นทุนต่ำ กำไรสูง: สินค้าจากจีนมีราคาถูกกว่าสินค้าที่ผลิตจากไทยหรือประเทศอื่น ๆ  ทำให้สามารถกำหนดราคาขายที่มีกำไรได้
• เริ่มต้นง่าย: มีแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น facebook, instragram, twitter, tiktok ที่ช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ด้วยโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียว
• สินค้าหลากหลาย: มีสินค้าให้เลือกหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อผ้าใส่ทำงาน หมวก แว่น นาฬิกา รองเท้า กระเป๋า และสินค้าอื่น ๆ อีกเพียบ
• ขยายธุรกิจได้ง่าย: ไม่ต้องกังวลเรื่องคลังสินค้าเพราะซัพพลายเออร์มีสต็อคและมีคลังสินค้าขนาดใหญ่อยู่แล้ว ทำให้สามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
• ไม่ต้องแพ็คและส่งสินค้าเอง : ซัพพลายเออร์เป็นคนแพ็คและจัดส่งให้ลูกค้าโดยตรง ทำให้เราสามารถประหยัดเวลาในการแพ็คของส่งของ และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการได้

ข้อเสียของระบบ Dropship

• เวลาจัดส่งนาน: การขนส่งจากจีนมาไทยอาจใช้เวลาหลายวันกว่าสินค้าจะถึงมือลูกค้า  เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้รีบใช้สินค้ามาก
• สินค้าอาจจะไม่ตรงปก: ผู้ขายไม่มีสินค้าอยู่ในมือ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพสินค้าก่อนจัดส่งให้ลูกค้าได้ บางครั้งลูกค้าอาจจะได้รับสินค้าที่ไม่ตรงปก ทำให้เกิดความเสียหายมีผลต่อเครดิตการขายของร้าน ทั้งต้องชดเชยเงินคืนให้ลูกค้าและเสียความน่าเชื่อถือ
• ความเสี่ยงจากซัพพลายเออร์: หากซัพพลายเออร์มีปัญหา เช่น ของหมดสต็อคหรือจัดส่งล่าช้า อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้
• การแข่งขันสูง: มีคนหลายคนที่ทำ Dropship ทำให้มีคู่แข่งเยอะ ต้องแข่งขันด้านราคาและการตลาด หากใครที่มีความสามารถด้านการตลาดออนไลน์อยู่แล้วอาจไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้
• การคืนสินค้าและรับประกันยุ่งยาก: เนื่องจากสินค้าส่งตรงจากจีน หากสินค้ามีปัญหา การคืนสินค้าอาจมีค่าใช้จ่ายสูงและขั้นตอนในการคืนที่ยุ่งยาก

สรุปแล้ว การสั่งของจากจีนมาขายแบบ Dropship เหมาะกับใคร?

หลังจากได้รู้จักข้อดีของเสียของการสั่งของจากจีนมาขายแบบ Dropship กันแล้ว  จะเห็นได้ว่าธุรกิจรูปแบบนี้เหมาะสำหรับใคร ? ระบบ Dropship เป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องการสั่งของจากจีนมาขายโดยไม่ต้องสต็อกสินค้าเอง ช่วยลดความเสี่ยงเรื่องเงินทุนและสินค้าค้างสต็อก และยังสามารถขายสินค้าได้หลากหลายแต่การทำธุรกิจแบบ Dropship ก็มีข้อเสีย เช่น เวลาจัดส่งที่นาน คุณภาพสินค้าที่อาจจะไม่ได้ตรงปกมากนัก และการแข่งขันที่สูง โดยรวมแล้ว Dropship เหมาะกับคนที่มีทุนน้อยแต่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์ และคนที่ไม่ต้องการสต็อกสินค้าทีละเยอะ ๆ ไม่มีเวลาแพ็คสินค้าจัดส่งเองรวมไปถึงคนที่มีทักษะด้านการตลาดออนไลน์และสร้างแบรนด์ได้ดี แต่หากใครที่พอมีเงินทุน และต้องการควบคุมคุณภาพสินค้าเอง ต้องการจัดส่งสินค้าอย่างรวดเร็วมีทีมแพ็คทีมระบบหลังบ้านที่ดีอาจต้องพิจารณาวิธีอื่นแทน